กรมเชื้อเพลิงฯ ชง "สุพัฒนพงษ์" เปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 24 ครั้งแรกในรอบ 15 ปี

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเสนอ “สุพัฒนพงษ์” ลงนามประกาศเชิญชวนเอกชนเข้ายื่นขอสิทธิสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 24 ปี 2565 จำนวน 3 แปลงในทะเลอ่าวไทยภายใต้ระบบ PSC คาดเปิดซื้อเอกสารได้ก่อนสงกรานต์นี้ หวังสร้างความมั่นคงพลังงานให้แก่ประเทศลดสูญเสียเงินตรานำเข้า ปลื้มส่งรายได้เข้ารัฐปี 64 เพียบ


นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้กรมฯ เตรียมนำเสนอนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานพิจารณาการลงนามประกาศเพื่อเชิญชวนเอกชนเข้ามายื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 24 ปี 2565 จำนวน 3 แปลงในทะเลอ่าวไทยภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ซึ่งถือเป็นการเปิดให้สำรวจฯ ครั้งแรกในรอบ 15 ปีจากครั้งสุดท้ายที่ดำเนินการไปเมื่อปี 2550 เพื่อเป็นการส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศและลดการสูญเสียเงินตราในการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศเข้ามา โดยประเมินเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำสุดที่จะเกิดขึ้นประมาณ 1,500 ล้านบาท (กรณียังไม่พบแหล่งปิโตรเลียม)

สำหรับ 3 แปลงทะเลอ่าวไทยประกอบด้วย 1. แปลงหมายเลข G1/65 พื้นที่ 8,487 ตารางกิโลเมตร(ตร.กม.) แบ่งเป็นพื้นที่ A 8,298.49 ตร.กม. พื้นที่ B 188.71ตร.กม. 2. แปลง G2/65 พื้นที่รวม 15,030 ตร.กม.และ 3. แปลงหมายเลข G3/65 แบ่งเป็นพื้นที่ A 11,028.22 ตร.กม. พื้นที่ B 618.45 ตร.กม. ซึ่งแปลงทั้งหมดมีศักยภาพการผลิตทั้งน้ำมันและก๊าซฯ โดยเบื้องต้นพบว่ามีบริษัทสำรวจฯระดับกลางให้ความสนใจมาก

"คาดว่าจะสามารถเปิดให้เอกชนมาซื้อเอกสารประมูลได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ การผลิตปิโตรเลียมในประเทศของไทยปัจจุบันเรากินบุญเก่า ถ้าไม่ผลิตเองก็ต้องนำเข้าก็จะสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศท่ามกลางสิ่งที่เป็นอยู่ถ้าเรายืนบนขาตนเองได้ก็เป็นสิ่งที่ดีสุด กรมฯ ได้เตรียมเปิดให้ยื่นสิทธิฯ ปี 2565 ใน 3 แปลงอ่าวไทย ซึ่งเดิมเราจะเปิดตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้านี้แล้วแต่เจอโควิด-19 เสียก่อนจึงทำให้นักลงทุนสนใจจะเดินทางมาดูข้อมูลยากลำบาก ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบก็อยู่ในสภาพตกต่ำที่สุด แต่แม้ว่าเราจะเปิดและสรุปได้รายชื่อผู้ชนะปลายปีนี้การผลิตจริงก็น่าจะเกิดได้ในปี 2569 เพราะขั้นตอนจะต้องสำรวจฯ พิสูจน์การผลิต ขอพื้นที่ผลิต ฯลฯ" นายสราวุธกล่าว

สำหรับการลงทุนด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปีนี้กรมฯ ประเมินว่าจะใกล้เคียงกับทุกๆ ปีเฉลี่ยอยู่ระดับ 1-2 แสนล้านบาท โดยในส่วนของการจัดหาปิโตรเลียมจากแหล่งในประเทศปี 2564 คิดเป็น 695,176 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงจากปี 2563 คิดเป็น 4.6% ขณะที่การจัดเก็บรายได้เข้ารัฐปี 2564 (ม.ค.-ธ.ค.) 53,637 ล้านบาท (ค่าภาคหลวง, ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ รายได้จากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA) รายได้อื่นๆ) ลดลงจากปี 2563 คิดเป็น 3.3% เนื่องจากการผลิตลดลง และแหล่งผลิตน้ำมันดิบในประเทศบางส่วนเลิกกิจการจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำก่อนหน้านั้นถือเป็นหน่วยงานรัฐที่จัดเก็บรายได้เป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยเมื่อรวมกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่จัดโดยกระทรวงการคลังอีก 49,948 ล้านบาทจะทำให้มีเงินนำส่งรัฐสูงถึง 100,000 ล้านบาท

อ้างอิง :