นายกฯ วอนประชาชนใช้ "พลังงาน" ทุกชนิดอย่างประหยัด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกยังมีทิศทางปรับขึ้น ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายและติดตามการดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ "ราคาพลังงาน" มาโดยตลอด โดยที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในภาค "พลังงาน" ตั้งแต่ปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบัน และแม้สถานการณ์ด้านราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันยังคงปรับตัวอยู่ในระดับสูง แต่ก็เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนไปพร้อมกับการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยกลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระทรวงพลังงาน รายงานว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา และบางประเทศในเอเชีย ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจส่งผลให้ "ราคาพลังงาน" โลกเกือบทุกประเทศสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลต่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในหลาย ๆ ประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นจาก 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงต้นเดือน  ธ.ค. 2564 มาเป็น 140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงต้นเดือนมีนาคม และในระดับปัจจุบัน (26 พ.ค. 2565) ที่ 114 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

โดยตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปลายปี 2564 กระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 อาทิ การลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การปรับลดสัดส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล ตลอดจนการขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันลดค่าการตลาด
 
กระทรวงพลังงาน ยังรายงานว่า ในส่วนของการตรึงราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากน้ำมันดีเซลเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้า การบริการ และการขนส่ง กระทรวงพลังงานได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร ตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 จนถึง 30 เม.ย. 2565 และขึ้นเป็น 32 บาทต่อลิตรตั้งแต่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา

การตรึงราคาน้ำมันดีเซลนี้ ใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่ออุดหนุนมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันมีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 5.43 บาท รวมทั้งลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันโดยใช้เงินกองทุนน้ำมันนั้น ส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของกลุ่มน้ำมันมีเงินจ่ายออกวันละ 295 ล้านบาท หรือคิดเป็นจ่ายออกเดือนละประมาณ 9,172 ล้านบาท (ประมาณการข้อมูลเดือน พ.ค. 2565) ทำให้ฐานะกองทุนฯ (บัญชีน้ำมัน) ณ 22 พ.ค. 2565 ติดลบกว่า 41,000 ล้านบาท ส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังได้ดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ (โครงการวินเซฟ) โดยสนับสนุนวงเงินเพื่อร่วมจ่ายค่าน้ำมันแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ จำนวนร้อยละ 50 ของค่าน้ำมัน (คนละครึ่ง) แต่ไม่เกิน 50 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 250 บาทต่อคนต่อเดือน มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว 39,990 ราย และมีสถานีบริการน้ำมันยืนยันเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน 1,687 แห่ง (ณ 23 พ.ค. 2565)

สำหรับที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า ราคาน้ำมันในประเทศไทยมีราคาสูงที่สุดในอาเซียนนั้น ความจริงแล้ว เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าราคาน้ำมันของไทยไม่ได้แพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ราคาน้ำมันของประเทศไทยอยู่ในระดับกลางค่อนไปข้างต่ำ

โดยราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน (ณ วันที่ 23 พ.ค. 2565)

    น้ำมันเบนซิน สิงคโปร์ อยู่ที่ 81.11 บาท/ลิตร
    ลาว อยู่ที่ 61.68 บาท/ลิตร
    ฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 48.42 บาท/ลิตร
    กัมพูชา อยู่ที่ 47.90 บาท/ลิตร
    เวียดนาม อยู่ที่ 44.58 บาท/ลิตร
    ไทย อยู่ที่ 42.95 บาท/ลิตร

ขณะที่น้ำมันดีเซล

    สิงคโปร์ อยู่ที่ 75.62 บาท/ลิตร
    ฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 48.32 บาท/ลิตร
    ลาว อยู่ที่ 47.13 บาท/ลิตร
    กัมพูชา อยู่ที่ 46.63 บาท/ลิตร
    อินโดนีเซีย อยู่ที่ 43.89 บาท/ลิตร
    เมียนมา อยู่ที่ 42.16 บาท/ลิตร
    เวียดนาม อยู่ที่ 39.63 บาท/ลิตร
    ไทย อยู่ที่ 31.94 บาท/ลิตร


ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/politics/1007004