ชี้ 5 แนวโน้มพลังงานหมุนเวียน ปี 2565

อุตสาหกรรมของพลังงานหมุนเวียนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แค่ในทศวรรษที่ผ่านมาสหรัฐฯ ใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 10% ในปี 2553 เป็น 20% ในปี 2563 และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นในปี 2565 เนื่องจากความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) และความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น

 

จากรายงาน 2022 Renewable Energy Industry Outlook ของ Deloitte ที่ได้ทำการสำรวจผู้นำและผู้บริหารกว่า 500 รายในสหรัฐฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเคมี วิศวกรรมและการก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ และพลังงานและสาธารณูปโภค สามารถสรุปเป็นแนวโน้มของพลังงานหมุนเวียนได้ 5 แนวโน้มในปี 2565 ดังนี้

 

1. เทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดที่ทันสมัยกำลังได้รับความสนใจ

 

เทคโนโลยีด้านพลังงานกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน เช่น พลังงานลม และพลังงงานแสงอาทิตย์ที่สามารถจัดเก็บใน Electric Grid ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Green Hydrogen แบตเตอรี่ชั้นสูง และการเก็บพลังงานแบบระยะยาวในรูปแบบต่างๆ อาจได้รับอานิสงค์โดยตรงจากการลงทุนนี้เพื่อนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป รวมถึงเทคโนโลยีที่จะช่วยด้าน Zero-carbon Electricity การจัดเก็บพลังงานระยะยาวเพื่อป้องการการขาดแคลนในบางฤดูกาล ลดความแออัดกับสายส่งพลังงานไฟฟ้า และเพิ่มความน่าเชื่อถือในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด

 

2. พลังงานแสงอาทิตย์กับโมเดลธุรกิจใหม่

 

Solar photovoltaic (PV) systems หรือ Solar Cells ได้เป็นที่นิยมมากขึ้น ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาสามารถลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าร้อยละ 85 จึงเป็นไปได้ว่าจะมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์นี้มาใช้ในโมเดลธุรกิจใหม่ๆ รวมทั้งการติดตั้งแบบใหม่ โดยในปี 2565 นี้เราอาจได้เห็น Solar-plus-storage หรือ Floating Solar PV เพิ่มขึ้น ซึ่งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการกักเก็บพลังงาน จะช่วยเรื่องประสิทธิภาพการดำเนินงานและการควบคุมต้นทุนอีกด้วย

 

3. โครงสร้างพื้นฐานในการส่งไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ Offshore Wind

 

การพัฒนาการส่งไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนในปี 2565 นี้ การส่งไฟฟ้าจะเป็นปัจจัยหลักที่เชื่อมต่อพลังงานหมุนเวียนสู่แหล่งไฟฟ้าเพื่อการบริโภคใช้สอยต่างๆ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องลดข้อจำกัดในการส่งให้เหลือน้อยที่สุด รวมถึงพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore Wind) ที่ต้องเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานชายฝั่ง (Coastal Infrastructure) ก็ควรมีการส่งไฟฟ้าและเข้าถึงที่สะดวก ทั้งนี้การเพิ่มกำลังการส่งจากเส้นทางปัจจุบัน หรือการเพิ่มเส้นทางใหม่ อาจช่วยลดปัญหาข้อจำกัดในการส่งได้ นอกจากนี้จากรายงานการสำรวจของ Deloitte พบว่า 76% ของผู้ตอบแบบสอบถามในอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภคกำลังวางแผนหรือมีแผนที่จะดำเนินการด้านพลังงานหมุนเวียนโดยจะคำนึงถึงความสามารถในการเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนจากโครงการส่งไฟฟ้าต่างๆ เป็นสำคัญ

 

4. การพัฒนากลยุทธ์ทางห่วงโซ่อุปทาน

 

อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนมีความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานอื่นๆ ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ในปี 2564 อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนส่วนประกอบ (Semiconductors และ Modules) วัตถุดิบ (Polysilicon และสินค้าโภคภัณฑ์) และแรงงานตลอดจนค่าขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้ราคาพลังงานแสงอาทิตย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนกระแสเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี

 

5. เศรษฐกิจหมุนเวียนคือหัวใจสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างยั่นยืนของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน

 

เมื่อความต้องการในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม รวมทั้งการติดตั้งแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น การจัดการขยะที่เกิดจากพลังงานหมุนเวียนหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้องก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการรองรับ การรื้อถอนแผงโซล่าต่างๆ อาจก่อให้เกิดขยะกว่า 1 ล้านตันในปี 2573 รวมทั้งปริมาณแบตเตอรี่ลิเทียมไออนกว่า 80 กิโลตันที่รอนำไปรีไซเคิลต่อในสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีใบพัดกังหันลมกว่า 8 พันชิ้น ที่กำลังจะหมดสภาพในปี 2565 นี้ และอาจรวมกันมากกว่า 2.2 ล้านตันในปี 2593

 

พลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย แม้ว่าปัจจุบันเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าส่วนมาก จะมาจากก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน (รวมลิกไนต์) ในปี 2564 นี้ได้มีสัดส่วนจากพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าที่ประมาณร้อยละ 10 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีสัดส่วนอยู่ 2% และในพลังงานหมุนเวียนเพื่อผลิตไฟฟ้าใน 12 เดือนแรกของปี 2564 นี้ยังประกอบไปด้วยพลังงานจากชีวมวล 33% และพลังงานแสงอาทิตย์ 25% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) ซึ่งพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 10,193 เมกะวัตต์ ในแผนพีดีพี 2565 หรือเพิ่มจากแผนเดิม (พีดีพี 2561 rev. 1) จำนวน 1,000 เมกะวัตต์

 

นอกจากนี้บริษัทในไทยต่างมีรายได้จากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นด้วย เช่น WHAUP มีรายได้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 58.5 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 254.6 ล้านบาท ในปี 2564 เช่นเดียวกับ GUNKUL ที่มีรายได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 19.64% เมื่อเทียบกับปี 2563

 

แนวโน้มของพลังงานหมุนเวียนอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น ผู้นำในทุกภาคส่วนควรจับตามองเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมที่สุด

 

ที่มา : https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9650000041704