สอวช. เผยไทยมีโอกาสเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

สอวช. เผยไทยมีโอกาสเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ชี้มีนโยบายรัฐส่งเสริมการให้ทุนวิจัยและพัฒนา


สอวช. เผยไทยมีโอกาสเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ชี้มีนโยบายรัฐส่งเสริมการให้ทุนวิจัยและพัฒนาบุคลากร รองรับการเปลี่ยนแปลงและการขยายตลาดการผลิตในอนาคต


กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สอวช.) และหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จัดเวทีสัมมนาวิชาการในหัวข้อ “เทคโนโลยีและโอกาสทางธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงในประเทศไทย (EVs Conversion in Thailand, Technology, and Opportunities)” เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงเทคโนโลยีในการดัดแปลงรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) ณ ห้องประชุม Jupiter 8-9 ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 และการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์

ดร.ธนาคาร วงษ์ดีไทย คณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มระบบคมนาคมแห่งอนาคต บพข. สอวช. ได้ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “นโยบายและการให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง” โดยได้กล่าวถึงภาพใหญ่ในเชิงนโยบายของประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมีความพยายามที่จะลดอุณหภูมิลง รวมถึงมีการประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะการจะบรรลุเป้าหมายได้ ทุกภาคส่วนต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด รวมถึงภาคส่วนคมนาคมด้วย โดยในปี 2025 มีข้อมูลว่าราคารถยนต์น้ำมันจะแพงกว่ารถยนต์ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดิมจึงต้องเร่งปรับตัวตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เท่าทันเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับประเทศไทย ได้ประกาศว่าจะเป็น ASEAN EV-Hub รวมถึงกำหนดว่าในปี 2030 จะมีรถยนต์ไฟฟ้า 100% (Zero Emission Vehicle: ZEV) ที่มีการผลิตขึ้นภายในประเทศถึงร้อยละ 30 หรือคิดเป็นจำนวน 6-7 แสนคันต่อปี ซึ่งสัดส่วนในการผลิตรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้จึงต้องพร้อมเปลี่ยนแปลง หากมีการวางแผนที่ดีก็จะสามารถยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการเดิมให้สามารถเดินต่อไปได้ เป็นที่มาของโครงการยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (EV Conversion) ที่จะช่วยยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการไทย

ภาพรวมการพัฒนาด้านยานยนต์สมัยใหม่ในต่างประเทศ เมื่อเทียบจำนวนประชากรกับประเทศไทยพบว่า เรามีจำนวนประชากรไม่มากนัก ดังนั้นหากจะแข่งขันในเรื่องปริมาณการผลิต จะต้องทำให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถเข้าสู่ตลาด เข้ามารวมตัวกัน หรือเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความสามารถขึ้นมา ซึ่งในไทยมีผู้ประกอบการอยู่หลายกลุ่ม ทั้งผู้ประกอบการเดิม ผู้ประกอบการรายย่อยใหม่ ผู้ประกอบการรายใหญ่ใหม่ และผู้ประกอบการต่างชาติรายใหม่ ตลาดในอนาคตจึงมีแนวโน้มเข้มข้นและรุนแรงมากกว่าในปัจจุบัน รวมถึงผู้ประกอบการไทยหลายบริษัทเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบดัดแปลงและแบบใหม่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้ผู้ประกอบใหม่เหล่านี้สามารถแข่งขันได้นั้น จะต้องให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การพัฒนาต้นแบบ แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้เข้าสู่การผลิตในเชิงปริมาณ ในราคาที่สามารถแข่งขันกับรถที่นำเข้าจากต่างประเทศได้ เป็นโจทย์ที่ต้องวางแผนและต้องคิดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมในการขับเคลื่อน

ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้จัดทำสมุดปกขาว “การส่งเสริมและพัฒนายานยนต์สมัย” ขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้อย่างราบรื่น มีความเกี่ยวข้องกับรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ รถไฟ เรือ และระบบอากาศยาน ที่ควรให้การสนับสนุนไปพร้อมกัน เพื่อให้ผู้ผลิต สามารถผลิตสินค้าออกสู่ตลาดได้ในหลายประเภท และได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (Transition Strategy) เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยให้พัฒนาไปได้พร้อมกัน ทั้งในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (EV Conversion) และการออกแบบยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ทั้งคัน (EV New Design) ซึ่งการวิจัยและพัฒนา (R&D) มีความจำเป็นมาก ต้องพัฒนาให้ผู้ประกอบการมีความรู้เชิงลึกมากขึ้น ในช่วงเริ่มต้นอาจเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ แต่ในระยะถัดไปต้องส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีส่วนงาน R&D ในบริษัทของตัวเอง ส่งเสริมให้สามารถทำงานวิจัยที่ยากขึ้น เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ผลิตในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศได้

ที่มา : https://www.facebook.com/1988645538022762/posts/3002772249943414/