ครม.ปลดล็อก กองทุนน้ำมันฯ กู้เงินเกิน 4 หมื่นล้าน อุ้มดีเซล

    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ทุกหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ร่วมพิจารณาแนวทาง การแก้ไขปัญหา เพื่อหาช่องทาง และรูปแบบในการช่วยเหลือ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะจากราคาพลังงานรูปแบบต่างๆ ช่วยเหลือแรงงาน ลูกจ้าง และดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางสำคัญในการทำงาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้มากที่สุด ในรูปแบบ และวิธีการที่เหมาะสม จากงบประมาณที่มีจำกัด ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด มาตรการช่วยเหลือจะประกาศอย่างเป็นทางการอย่างเร่งด่วน เมื่อทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือรอบคอบแล้ว
    ขณะเดียวกันนายธนกร กล่าวด้วยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ (ร่าง) แผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2563 -2567 (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2) เปลี่ยนแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของหลักเกณฑ์การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมัน อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยยกเลิกการกำหนดวงเงินบริหารกองทุนน้ำมันฯ รวมวงเงินกู้ยืมต้องไม่เกิน 40,000 ล้านบาท จากเดิมที่แผนรองรับวิกฤตฯ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1ระบุการบริหารจัดการกองทุนน้ำมัน ฯ ต้องมีเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมัน เมื่อรวมกับเงินกู้แล้วต้องไม่เกิน 40,000 ล้านบาทนอกจากนี้ ยังได้ปรับกลยุทธ์การถอนกองทุนน้ำมันฯ (Exit Strategy) โดยให้ยกเลิกการปรับสัดส่วนการช่วยเหลือลงครึ่งหนึ่ง เมื่อฐานะกองทุนน้ำมันใกล้ติดลบ ทั้งนี้ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
    นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ ครม. ได้ปรับวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็น 40,000 ล้านบาท จะทำให้การตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาทยาวขึ้นได้  ปัจจุบันอุดหนุนดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 7 บาท
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 13 มี.ค. 2565 มีฐานะติดลบรวม 29,336 ล้านบาท  เป็นบัญชีน้ำมันติดลบครั้งแรกอยู่ที่ 1,243 ล้านบาท ส่วนบัญชีแอลพีจีติดลบ 28,093 ล้านบาท

ที่มา : https://www.thebangkokinsight.com/news/business/828550/