อุตฯ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชี้ 5-10 ปี ยอดใช้รถอีวีจะชัดเจน แนะเร่งปรับตัวรับเทรนด์

อดีตประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่รยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองอนาคต 5-10 ปี ปริมาณการใช้รถอีวีจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมและเกิดความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด

พินัย ศิรินคร อดีตประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่รยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการใช้รถอีวีในปัจจุบันยังเน้นที่การนำเข้ารถสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) โดยมีเงื่อนไขให้แบรนด์รถต้องวางแผนการผลิตรถอีวีในประเทศคืนภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้รถอีวีสัญชาติอื่นแข่งขันกับจีน ซึ่งได้ประโยชน์จากความตกลงทางการค้า FTA เสียภาษีอากรนำเข้า 0% ทำให้คู่แข่งอย่างยุโรป และญี่ปุ่น สามารถแข่งขันได้ พร้อมกับให้ลดภาษีสรรพสามิตและเงินอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการซื้ออีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เองยังไม่เห็นดีมานต์ หรือการสั่งซื้อเพื่อผลิตให้กับรถอีวีเนื่องจากยังไม่มีการผลิตในประเทศ แม้แต่แบรนด์รถจีน 2-3 แห่ง ที่นำเข้ามาในไทยได้ระยะหนึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นว่ามีแผนจะซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตในไทย จึงมองว่าต่อจากนี้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการแข่งขันของผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทย

ในขณะที่ภาพอนาคต 5-10 ปี ปริมาณการใช้รถอีวีจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมและเกิดความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เองได้มีการพูดคุยและเตรียมการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วยแผน 4 เรื่อง ดังนี้

1. มุ่งผลิตชิ้นส่วนให้ตลาดรถเก่า ด้วยความเชี่ยวชาญของผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (ICE) ซึ่งก่อนหน้านี้จะเน้นขายให้กับตลาด OEM ถึง 80% จะปรับไปผลิตให้ตลาด REM เป็นอะไหล่สำหรับรถ ICE ที่ยังมีอายุการใช้งานอีกราว 15 ปีอยู่ทั่วโลก

2. ผลิตชิ้นส่วนสำหรับโรงงาน 4.0 ซึ่งผู้ผลิตบางส่วนมีศักยภาพในการผันตัวเองไปผลิตเครื่องจักรแขนกล เพื่อป้อนให้กับระบบอัตโนมัติในโรงงาน

3. ผลิตให้อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่ไทยต้องการผลักดัน อาทิ เครื่องมือแพทย์ เกษตรอัจฉริยะ ซึ่งต้องใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์ในการขับเคลื่อน

4. อัพสกิลผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อแข่งขันในการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นเนื่องจากจำนวนชิ้นส่วนที่น้อยลง

ทั้งนี้ มีข้อเสนอต่อรัฐให้ช่วยเหลือในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี สำคัญที่สุด คือการพัฒนาบุคคลากรให้พร้อม โดยเสนอต่อ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ในการทำโครงการพัฒนาบุคคลากรสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้าง New Skill ในการเรียนรู้เทคโลยีใหม่สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการยกระดับด้านเทคโนโลยี ความเป็นไปอย่างหนึ่งคือสร้างความร่วมมือกับตลาดในไต้หวันที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ รวมถึงตลาดในประเทศอื่นๆ ที่ต้องการหาพันธมิตรในตลาดดังกล่าว

อ้างอิง : https://bit.ly/3IKx5dD